ประยุทธ์’ ห่วง ขยะติดเชื้อโควิด สั่งจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ

ประยุทธ์’ ห่วง ขยะติดเชื้อโควิด สั่งจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ

ประยุทธ์ ห่วง ขยะติดเชื้อโควิด สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้จัดการมีประสิทธิภาพ เพื่อความปลอดภัยของประชาชน นาย ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ห่วงการบริหารจัดการขยะจัดการขยะมูลฝอยติดเชื้อจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยเฉพาะขยะที่ปนเปื้อนสารคัดหลั่งทั้งน้ำมูก เสมหะ น้ำลาย หรือเลือด ขยะจากหน้ากากอนามัย ขยะจากชุดตรวจ ATK

ซึ่งขยะดังกล่าวมีจำนวนมาก เนื่องจากปัจจุบันจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในไทยยังคงสูงอยู่ 

ซึ่งการทิ้งขยะติดเชื้อเหล่านี้ ไม่สามารถทิ้งรวมกับขยะทั่วไปได้ เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่เชื้อต่อเจ้าหน้าที่จัดการขยะหรือเจ้าหน้าที่ที่มาเก็บขยะได้ จึงกำชับให้หน่วยงานที่มีหน้าที่จัดการขยะมูลฝอยติดเชื้อฯทั้งในส่วนกลาง กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และทุกจังหวัด ให้ดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ

ขณะเดียวกันก็ขอให้กระทรวงสาธารณสุขเน้นประชาสัมพันธ์ ให้ความรู้ผู้ป่วยโควิด -19 ที่รักษาตัวแบบ Home isolation ในการแยกประเภทขยะอย่างเคร่งครัด เช่นมีการติดป้ายทำสัญลักษณ์บนถุงทุกครั้ง เพื่อเจ้าหน้าที่จัดเก็บขยะจะได้ทราบและป้องกันตนเองได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น

สกลธี ภัททิยกุล หรือจั้ม ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หมายเลข 003 คือบุตรชายของ พลเอกวินัย ภัททิยกุล ผู้เป็นอดีตเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) โดยตัวของสกลธีเอง ก็เคยมีบทบาทที่สำคัญทางการเมืองหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือ การได้ดำรงตำแหน่ง อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นั่นเอง

โดยเขาเกิดเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2520 ปัจจุบันอายุ 44 ปี จบการศึกษาจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล และโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ก่อนจะเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ต่อด้วยคณะเดียวกันที่มหาวิทยาลัยอินเดียนา และสำเร็จการศึกษาอย่างเป็นทางการจากสาขากฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา มหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน สหรัฐอเมริกาในเวลาต่อมา และทางด้านของชีวิตคู่ สกลธี แต่งงาน กับ นางนันท์นัดดา ภัททิยกุล โดยเจ้าตัวได้มีบุตรด้วยกัน 2 คน เป็น ชาย 1 คนและหญิง 1 คน

สกลธี ภัททิยกุล มีผลงานการทำงานในอดีตที่น่าสนใจหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการทำงานในสายอาชีพทั่วไป และการทำงานในแวดวงทางการเมือง โดยการทำงานทั่วไปในอดีตของเขา ได้แก่ การทำงานในกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กระทรวงยุติธรรม, เลขานุการปลัดกระทรวงยุติธรรม และผู้ถือหุ้นบริษัท สกายไฮ จำกัด ซึ่งเป็นกิจการเกี่ยวกับเครื่องแต่งกาย

โดยในปัจจุบัน ปี 2565 สกลธี ภัททิยกุล ได้ลงสมัครตำแหน่ง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หมายเลข 003 ในนามอิสระ มีแคมเปญหลักคือ “กรุงเทพดีกว่านี้ได้, กทมช่วยบอกธี, กทmore” ซึ่งก็ต้องจับตามองกันต่อไปว่า เส้นทางทางการเมืองของเขาคนนี้จะเป็นอย่างไรในอนาคต โดยหากใครอยากติดตามผลงานอื่น ๆ หรืออัปเดตเรื่องราวของเจ้าตัว สามารถติดตามที่ สกลธี Facebook ได้เลยนะ

เปิด ประวัติ วิโรจน์ ลักขณาอดิศร จาก ส.ส. สู่ผู้ท้าชิงผู้ว่าฯ กทม. จากพรรคก้าวไกล

ชวนส่อง ประวัติ วิโรจน์ ลักขณาอดิศร แคนดิเดตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จากพรรคก้าวไกล ที่ครั้งหนึ่งเมื่อยังดำรงตำแหน่ง ส.ส. เขาได้เปิดโปงขบวนการ IO ของกองทัพจนกลายมาเป็นดาวเด่นประจำสภา ในวันนี้เขาสละตำแหน่ง ส.ส. มาลงท้าชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. ในนามของพรรคก้าวไกล โดยให้คำมั่นสัญญาว่า “คนไทยจะไม่ถูกขโมยความฝันไปอีก”

วิโรจน์ ลักขณาอดิศร มีชื่อเล่นว่า “โรจน์” เกิดเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2520 ปัจจุบันอายุ 44 ปี วิโรจน์เกิดและเติบโตในกรุงเทพฯ จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนวัดสุทธิวราราม จากนั้นเลือกเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมยานยนต์

เมื่อจบการศึกษาในระดับปริญญาตรีจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วิโรจน์ก็ได้ศึกษาต่อในระดับปริญญาโทบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต จากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอีกเช่นเดียวกัน จากนั้นก็ศึกษาต่อในระดับปริญญาเอก ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต (เศรษฐศาสตร์) สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)

ก่อนจะเข้าสู่เวทีการเมือง วิโรจน์เคยทำงานเป็นวิศวกรมาก่อน โดยทำหน้าที่เป็นวิศวกรควบคุมคุณภาพให้ บริษัท อีซูซุมอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ในช่วงปี พ.ศ. 2542-2544 จากนั้นก็ย้ายสายงานไปเป็นเจ้าหน้าที่ที่ปรึกษา ด้านระบบบริหารคุณภาพและการบริหารจัดการ รวมถึงฝึกอบรมเกี่ยวกับการบริหารจัดการต่าง ๆ ให้บริษัท โนโว ควอลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด ภายใต้การกำกับของ สถาบันทรัพย์สินทางปัญญา แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในช่วงปี พ.ศ. 2544-2546

หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2546 วิโรจน์ก็ได้ย้ายมาทำงานที่  บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน) ตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลและพัฒนาองค์กร และในช่วงปี พ.ศ. 2549-2561 เขาก็ได้เป็นกรรมการวิชาการ ของโรงเรียนเพลินพัฒนา ที่ทางบริษัทซีเอ็ดและกลุ่มรักลูกได้เข้าไปพัฒนางานด้านวิชาการให้

นอกจากนี้ วิโรจน์ยังเคยทำเพจเฟซบุ๊กเกี่ยวกับพัฒนาการศักยภาพของเยาวชน ให้ความรู้แก่กลุ่มพ่อแม่ ผู้ปกครอง และคุณครู โดยมีชื่อเพจว่า “Education Facet”

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป