ทางการ จีน เปิดเผยว่า พบผู้เสียชีวิตจากโรค โควิด เป็นศพแรก นับตั้งแต่ พ.ค. ปีที่ผ่านมา ขณะที่ยอดผู้ป่วยใหม่เพิ่มสูงต่อเนื่อง สำนักข่าว ชาแนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า ทางการจีนพบผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 เป็นศพแรกนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพฤษภาคม ปีที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันทางการจีนยังได้รายงานอีกว่ายอดผู้ป่วยโรคโควิดรายใหม่ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 138 ราย
เป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อในประเทศ 124 ราย ในจำนวนดังกล่าวพบผู้ป่วยใหม่ในมณฑลเหอเป่ย 81 ราย และ เฮยหลงเจียง 43 ราย ซึ่งจำนวนผู้ป่วยใหม่นี้ถือว่าเพิ่มขึ้นหากเทียบกับวันที่ 13 มกราคม ที่พบผู้ป่วย 115 ราย
ด้านทางการจีนได้สั่งให้ประชาชนกว่า 28 ล้านคนกักตัวอยู่ที่บ้าน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยการแพร่ระบาดระลอกใหม่ในครั้งนี้เกิดขึ้นก่อนช่วงตรุษจีน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ประชาชนหลายร้อนคนที่จะเดินทางกลับประเทศ ซึ่งทางการได้ขอความร่วมมือให้ประชาชนงดเดินทางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โจโควี ผู้นำอินโด ได้เข้ารับ ฉีดวัคซีน ซิโนแวค เป็นคนแรกของประเทศ ทำตามคำพูดที่เขาเคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้ เชื่อวัคซีนช่วยนำพาประเทศออกจากวิกฤติได้ เมื่อวันที่ 13 มกราคม สำนักข่าว ชาแนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า นาย โจโค วิโดโด หรือ โจโควี ประธานาธิบดีของอินโดนีเซีย ได้เข้ารับการฉีดวัคซีน โคโรนาแวค จากบริษัท ซิโนแวค ซึ่งถือเป็นคนแรกในประเทศอินโดนีเซียที่ได้รับการฉีดวัคซีน
โดยการฉีดวัคซีนครั้งนี้ถูกถ่ายทอดสดผ่านทางโทรทัศน์ ซึ่งนาย โจโควี ได้ให้สัมภาษณ์ว่า วัคซีนโควิด-19 เป็นส่วนสำคัญในการทำลายโซ่ตรวนของการแพร่ระบาด และมอบสุขภาพที่ดีและความปลอดภัยให้กับชาวอินโดนีเซียทุกคน นอกจากนี้ผู้นำอินโดฯยังเชื่อว่าวัคซีนจะช่วยเยียวยาเศรษฐกิจได้อีกด้วย
นอกจากผู้นำอินโดฯแล้ว เจ้าหน้าที่แพทย์ราวๆ 1.5 ล้านคนจะเตรียมเข้ารับการฉีดวัคซีนในสัปดาห์นี้ คาดว่าเจ้าหน้าที่แพทย์ราวๆ 5 แสนคนจะได้รับการฉีดวัคซีนในเดือนมกราคมนี้ ส่วนอีก 9 แสนคนที่เหลือจะได้ฉีดในเดือนถัดไป
โดยทางการตั้งเป้าว่าจะมีประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 180 คน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันแบบหมู่ให้กับประชาชน ขณะนี้ประเทศอินโดนีเซียมียอดผู้ป่วยสะสมมากกว่า 840,000 ราย และมีผู้เสียชีวิตกว่า 24,500 ศพ โดยอินโดนีเซียถือเป็นประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีผู้ป่วยมากที่สุด
ยูทูป ได้ประกาศ แบน นาย ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯเป็นระยะเวลา 7 วัน หลังจากที่เขาได้ทำการพูดจาปลุกระดมผู้ชุมนุม จนเป็นเหตุให้เหตุความรุนแรงบานเปลาย เมื่อวันที่ 13 มกราคม สำนักข่าว รอยเตอร์ รายงานว่า เว็ปไซต์ ยูทูป เว็ปไซต์เล่นวิดีโอขนาดใหญ่ ได้ออกมาแถลงว่า พวกเขาได้ทำการระงับการการใช้งานของชาแนลยูทูป นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯเป็นระยะเวลา 7 วัน
เนื่องจากที่เขาได้ทำการละเมิดกฎข้อบังคับบนเว็ป ด้วยการพูดจาปลุกระดมผู้ชุมนุมในช่วงระหว่างการบุกสภาคอนเกรสในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 5 ศพ เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
โดยการระงับการใช้งานครั้งนี้จะส่งผลให้ผู้นำสหรัฐฯไม่สามารถอัพโหลดวิดีโอได้ในช่วงดังกล่าว ซึ่งทางยูทูปยืนยันว่าระยะเวลาอาจเพิ่มขึ้น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์หลังจากนี้ เว็ปไซต์ยูทูปนั้นไม่ใช่พื้นที่เดียวที่ได้ทำการระงับการใช้งานของนาย ทรัมป์ ก่อนหน้านี้เว็ปไซต์ทวิตเตอร์ สื่อสังคมออนไลน์ขนาดใหญ่ก็ได้แบน นาย ทรัมป์ ถาวรเช่นเดียวกัน
บราซิล เผย ประสิทธิภาพ ซิโนแวค อยู่ที่ 50.4%
ชาวบราซิล ต่างได้แต่ผิดหวังไปตามๆกัน หลังจากที่พบว่า ประสิทธิภาพ วัคซีนจากบริษัท ซิโนแวค อยู่ที่ร้อยละ 50.4% เท่านั้น เมื่อวันที่ 13 มกราคม สำนักข่าว อัลจาซีรา รายงานว่า นักวิจัยในประเทศบราซิลได้ออกมาเปิดเผยถึงประสิทธิภาพของวัคซีน โควัคซิน ของบริษัท ซิโนแวค บริษัทสัญชาติจีนว่ามีประสิทธิภาพในการต่อต้านโรคโควิด-19 เพียงแค่ร้อยละ 50.4 เท่านั้น
ซึ่งตัวเลขล่าสุดนี้ถือเป็นประสิทธิภาพที่มากกว่าเกณฑ์การอนุมัติการใช้วัคซีนในประเทศบราซิลเพียงนิดเดียว และถือว่าต่ำกว่าที่ประเทศบราซิลเคยประกาศไว้ว่าวัคซีนจากบริษัท ซีโนแวค มีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019
ทางการบราซิลเคยประกาศไว้ว่า วัคซีนโควัคซิน จะเป็นหนึ่งในสองวัคซีนที่ทางการจะใช้ฉีดในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยวัคซีนอีกชนิดที่กำลังรอการอนุมัติคือวัคซีน แอสตราเซเนกา จากมหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ด
ทั้งนี้ในการทดลองในพื้นที่อื่นๆ อย่างเช่น ในเดือนที่แล้วที่ตุรกีประกาศวัคซีนดังกล่าวมีประสิทธิภาพในการต้านโควิดที่ร้อยละ 91.25 ส่วนที่อินโดนีเซียพบว่าวัคซีนโควัคซินมีประสิทธิภาพที่ร้อยละ 65 โดยการบราซิลระบุว่าที่ตัวเลขออกไปเนื่องจาก ทางการบราซิลมุ่งเน้นไปที่เจ้าหน้าที่แพทย์แถวหน้า และ กลุ่มคนชรา ไม่นานมานี้สำนักข่าวท้องถิ่นได้อ้างอิงถึงรายงานสองฉบับที่ระบุว่าวัคซีน โควัคซิน มีประสิทธิภาพต่ำกว่าร้อยละ 60 ซึ่งถือว่าสอดคล้องกับรายงานดังกล่าว
การดำเนินการเข้าร่วม NATO ของทั้ง 2 ประเทศจากภูมิภาคสแกนดิเนเวียนั้น เกิดขึ้นภายหลังจากที่รัสเซียได้เริ่มทำสงครามรุกรานต่อประเทศยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา และก็ได้ผ่านการหารือในทุกระดับกันมาอย่างต่อเนื่องตลอด 77 วันที่สงครามดำเนินอยู่ ซึ่งในระหว่างนั้นทางรัสเซียก็ได้มีการคุกคามขู่ด้วยกลวิธีต่าง ๆ เพื่อไม่ให้ทั้ง 2 ประเทศเข้าร่วม ถึงกระนั้นก็ไม่ได้มีผลแต่อย่างใด
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป